Mark 4:1-20
คำอุปมาเรื่องผู้หว่าน
(มธ.13:1-15,18-23; ลก.8:4-15)
1แล้วพระเยซูทรงสอนที่ริมทะเลสาบอีก ฝูงชนรุมล้อมพระองค์แน่นขนัดจนพระองค์ต้องเสด็จลงไปประทับนั่งในเรือ ขณะที่ประชาชนอยู่ที่ชายฝั่ง 2พระองค์ทรงยกคำอุปมาสอนหลายสิ่งแก่พวกเขาว่า 3“ฟังเถิด! ชาวนาผู้หนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช 4ขณะที่หว่านบางเมล็ดก็ตกตามทางและนกมาจิกกินหมด 5บางเมล็ดตกบนพื้นกรวดหินซึ่งมีเนื้อดินน้อยจึงงอกขึ้นโดยเร็วเพราะดินตื้น 6แต่เมื่อแดดเผาก็เหี่ยวไปเพราะไม่มีราก 7บางเมล็ดตกกลางพงหนาม ต้นหนามก็งอกคลุมจึงไม่เกิดผล 8แต่ยังมีเมล็ดบางส่วนตกบนดินดี งอกขึ้นมา เติบโตและเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่า”9แล้วพระเยซูตรัสว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”
10เมื่อทรงอยู่ตามลำพัง สาวกทั้งสิบสองคนกับคนอื่นที่แวดล้อมพระองค์อยู่ทูลถามพระองค์เกี่ยวกับคำอุปมาเหล่านั้น 11พระองค์ทรงบอกพวกเขาว่า “ความลับของอาณาจักรของพระเจ้าทรงโปรดให้พวกท่านรู้ ส่วนคนนอกนั้นทุกอย่างจะใช้คำอุปมา 12เพื่อว่า
“ ‘พวกเขาจะดูแล้วดูเล่าแต่จะไม่มีวันประจักษ์
และจะฟังแล้วฟังเล่าแต่จะไม่มีวันเข้าใจ
มิฉะนั้นแล้วเขาจะหันกลับมาและได้รับการอภัย!’ ▼”
13แล้วพระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังไม่เข้าใจคำอุปมานี้หรือ? ถ้าอย่างนั้นจะเข้าใจคำอุปมาทั้งหลายได้อย่างไร? 14ชาวนาได้หว่านพระวจนะ 15บางคนก็เป็นเหมือนเมล็ดพืชที่ตกตามทาง ทันทีที่เขาได้ยิน ซาตานก็มาฉวยเอาพระวจนะที่หว่านลงในเขาไป 16บางคนก็เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนพื้นหิน เมื่อได้ยินพระวจนะแล้วก็รับไว้ทันทีด้วยความยินดี 17แต่เนื่องจากไม่ได้หยั่งรากลึกจึงคงอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อเกิดปัญหาหรือการข่มเหงเนื่องด้วยพระวจนะนั้นพวกเขาก็เลิกราไปอย่างรวดเร็ว 18บางคนเหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงกลางพงหนาม คือได้ยินพระวจนะ 19แต่ถูกความพะวักพะวนในชีวิตนี้ ความหลอกลวงของทรัพย์สมบัติ และความอยากได้ใคร่มีในสิ่งต่างๆ เข้ามารัดพระวจนะนั้นทำให้ไม่เกิดผล 20คนอื่นๆ เหมือนเมล็ดพืชที่หว่านลงบนดินดี คือผู้ที่ได้ยินพระวจนะแล้วรับไว้และเกิดผลสามสิบเท่า หกสิบเท่า หรือถึงร้อยเท่าของที่หว่านลงไป”
Copyright information for
ThaTNCV